วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553


อากาศทั่วโลกวิปริตหนัก ฤดูกาลผิดเพี้ยนจากเดิม ชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อังกฤษวิกฤตหนักอุณหภูมิหนาวจัดติดลบต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หิมะหนาบนถนนถึง40.สนามบินทั่วประเทศปิดตายเที่ยวบินถูกยกเลิกกะทันหันในหลายสาย ขณะที่ฟุตบอลคาร์ลิงคัพ ระหว่างปีศาจแดงกับเรือใบต้องเลื่อนออกไปเพราะหิมะเป็นเหตุ ทางด้านนอเวย์เลวร้ายสุดในยุโรปต้องเผชิญความหนาวเย็นถึงติดลบ 41 องศาเซลเซียส ส่วนจีนประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าและถ่านหินอย่างหนักปักกิ่งมีอุณหภูมิติดลบถึง 16 องศาเซลเซียส ขณะที่กรุงเทพฯฝนหลังฤดูถล่มกรุงทำให้น้ำท่วมถนนหลายสายการจราจรป็ฯอัมพาตโกลาหลทั้งเมือง เกิดสภาพแปรปรวน ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงผิดแผกต่างไปจากเดิม ทั้งอากาศหนาวจัด อุณหภูมิติดลบ หิมะตกหนัก
ขณะที่กรุงเทพมหานครมีฝนตกอย่างหนักตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำของวันที่ 6ม.ค.


หลังจากที่มีฟ้าครึ้มมืดมัวมาตั้งแต่เช้าทั้งที่เป็นช่วงอยู๋ในฤดูหนาว แต่กลับมีฝนตกหลงฤดูตกลงมาส่งผลให้จราจรติดขัดเกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ อาทิ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนลาดพร้าว ถนนรามคำแหง ถนนพหลโยธิน และเกิดอุบัติเหตุรถชนในหลายพื้นที่

นายบุญธรรมตั้งล้ำเลิศ หัวหน้าเวรพยากรณ์อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดฝนตกหนักในกรุงเทพฯและหลายพื้นที่ทั่วประเทศเกิดจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอ่อนกำลังลง ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาปกคลุมบริเวณภาคกลาง ทำให้บริเวณภาคกลางมีฝนฟ้าคะนองในช่วงนี้
คาดว่าคืนวันที่6ม.ค.บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ทั่วประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.มีฝนฟ้าคะนองและอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา

นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เปิดเผยถึงสภาพอากาศแปรปรวนฝนตกในช่วงฤดูหนาวว่า เกิดจากลมตะวันออกเฉียงใต้พัดมลอากาศร้อนชื้นเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้มวลอากาศเย็นหดตัวขึ้นไปทางเหนือ ส่งผลให้เกิดฝนตกกระจายในบางพื้นที่ และปรากฎการณ์ดังกล่าวนี้จะกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้และจะกลับเข้าสู่อากาศหนาวอีกครั้งตลอด
เดือนม.ค.ขณะเดียวกันปัญหาที่ประเทศไทยจะต้องเจอแน่นอนคือ ปรากฏการณ์แอลนินโญ่ระดับรุนแรงในรอบ 10 ปี โดยจะทำให้เกิดภาวะร้อนและแล้งมากว่าปีที่ผ่านๆมา และมีการคาดการณ์แล้วว่าจะส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น40-42องศาในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพฯน่าจะเกิน 40 องศา โดยจะร้อนที่สุดในช่วงเดือนมี.ค.ไปจนถึงเดือน เม.ย. ซึ่งวันที่ร้อนที่สุดคืวันที่ 22 เม.ย.นี้